
กอ.รมน.–วช. ลงนาม MOU “ชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ มุ่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และความมั่นคงของชุมชน
วันที่ 9 กันยายน 2568 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง กอ.รมน. และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ภายใต้หัวข้อ “ชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กอ.รมน.(ส่วนกลาง) โดยมี พลเอกธงชัย รอดย้อย เลขาธิการ กอ.รมน. และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงาน มวลชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี โดยมี กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด เข้าร่วมเป็นสักขีพยานผ่านระบบออนไลน์
การลงนามมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรม พัฒนาศักยภาพชุมชน ขยายองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรมสู่ปราชญ์ชุมชน ตลอดจนเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชา ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนตามแนวพระราชดำริให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการลงนามครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดความร่วมมือที่ดำเนินมาแล้ว 2 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา โดย กอ.รมน. และ วช. ได้ส่งมอบผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอาชีพ การสร้างรายได้ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในพื้นที่เป้าหมาย ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการส่งมอบนวัตกรรมให้กับชุมชน จากสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม “นวัตกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตระดับชุมชน ด้วยตู้อบลมร้อนแบบถาดหมุนและระบบบรรจุขวดแบบรักษาระดับแรงดันพร้อมถังสำรองลดอุณหภูมิ ผลิตภัณฑ์ร่วมกับปิดฝาแบบกึ่งอัตโนมัติ” แก่ชุมชนวิสาหกิจชุมชนเกษตรนวัตกรรมกีตอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาและ วิสาหกิจชุมชน FANADA บ้านเจ๊ะเด็ง อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส โดยได้รับอนุมัติทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและ สนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่าง วช. และกองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน) แผนการดำเนินการปี 2567 รวมถึงมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยและนวัตกรรม และจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ท้องถิ่นเพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จของการนำงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในพื้นที่จริง
















